วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2554

อินเทลเพิ่มชิปแซนดีบริดจ์ชู"อัลตร้าบุ๊ค"

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] รายงานข่าวล่าสุด เมื่อวันอาทิตย์ทีผ่านมา Intel ประกาศเพิ่มชิป Sandy Bridge อีก 3 โมเดล งานนี้นักวิเคราะห์จาก Gleacher & Company คาดว่า ทางบริษัทกำลังเร่งเครื่องในการเปิดตลาด Ultrabook โน้ตบุีคที่มีความบางมากเป็นพิเศษแบบเดียวกับ MacBook Air ซึ่ง Intel มั่นใจว่า นี่คือสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ

สำหรับโพรเซสเซอร์ 3 รุ่นใหม่มีการเปิดเผยออกมาในรายการอัพเดทราคาโพรเซสเซอร์ของ Intel โดยชิป Sandy Bridge ที่เพิ่มขึ้นมาไม่เพียงแต่จะเร็วกว่าเดิมเท่านั้น แต่มันยังใช้พลังงานต่ำกว่าที่เคยใช้ในโน้ตบุ๊คบางเฉียบอย่าง Samsung Series 9 อีกด้วย คาดว่า Apple น่าจะใช้ชิปรุ่นนี้ของ Intel กับ MacBook Air รุ่นใหม่ เพื่ออัพเดทรุ่นเดิมที่ใช้ชิป Intel Core 2 Duo ทั้งนี้ทางบริษัทเปิดเผยว่า ชิปรุ่นใหม่จะเป็น ULV ที่ใช้พลังงานต่ำ เพียงแค่ 17 วัตต์ ซึ่งส่งผลให้ความร้อนลดลงอีกด้วย ทั้งนี้หากเทียบกับชิปที่ใช้พลังงาน 25 - 35 วัตต์บนโน้ตบุ๊คบางเฉียบก่อนหน้านี้ อย่างเช่น MacBook Air 11.6 นิ้ว จะเห็นได้ว่า มันมีความแตกต่างของการใช้พลังงานอย่างชัดเจน

ใน ส่วนของโพรเซสเซอร์ใหม่ของ Intel ที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับ Ultrabook โน้ตบุ๊คบางเฉียบ ซึ่งเป็นแนวโน้มของโน้ตบุ๊คในครึ่งปีหลังนี้ นอกจากจะใช้พลังงานต่ำแล้ว มันยังมาพร้อมกับโหมด Turbo เร่งความเร็ว เมื่อใช้ซอฟต์แวร์ที่ต้องการพลังประมวลผลได้อีกด้วย โดยชิปรุ่นใหม่ทั้ง 3 ที่มีการเพิ่มเข้ามาได้แก่

  • Core i7-2677M: โพรเซสเซอร 2 แกน ความเร็ว 1.8 GHz (โหมด Turbo เร่งได้ 2.9GHz) แคช 4MB กินไฟ 17 วัตต์ ราคา 317 เหรียญฯ (ประมาณ 9,700 บาท)
  • Core i7-2637M: โพรเซสเซอร์ 2 แกน ความเร็ว 1.7GHz (โหมด Turbo เร่งได้ 2.8GHz) แคช 4MB กินไฟ 17 วัตต์ ราคา 289 เหรียญฯ (ประมาณ 8,900 บาท)
  • Core i5-2557M: โพรเซสเซอร์ 2 แกน ความเร็ว 1.7GHz (โหมด Turbo เร่งได้ 2.7GHz) แคช 3MB กินไฟ 17 วัตต์ ราคา 250 เหรียญฯ (ประมาณ 7,700 บาท)

โน้ต บุุ๊ครุ่น Asus UX21 ที่ยังไม่วางตลาดจะใช้โพรเซสเซอร์ Intel Core i52557M ดังที่ปรากฎอยู่ในรายการด้วย ซึ่งจากรายงานข่าวในช่วงที่ผ่านมา Intel ได้ส่งสัญญาณชัดเจนถึงความเชื่อมั่นในตลาดโน้ตบุ๊คที่คาดว่าจะมาแรงมากๆ โดยเรียกสายพันธุ์ใหม่ของโน้ตบุ๊คที่มีความบางเบา ประหยัดพลังงานนี้ว่า Ultrabook (อัลตร้าบุ๊ค) ซึ่งนักวิเคราะห์ตลาดจัดให้เป็นโน้ตบุ๊คในกลุ่ม SSD notebook หรือโน้ตบุ๊คที่ใช้สตอเรจเป็นโซลิดสเตท แทนที่จะใช้ฮาร์ดดิสก์ทั่วไป Intel เห็นโอกาสของโน้ตบุ๊คที่บางเป็นพิเศษจากความสำเร็จของ MacBook Air ที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2008 ที่มีส่วนแบ่ง 8% จนถึงปี 2010 โตถึง 17% และคาดว่าในปี 2011 จะครองส่วนแบ่งถึง 48% เลยทีเดียว สำหรับกรณีของ Ultrabook คาดว่าจะโต 5% ในปี 2011 และสูงถึง 30% ในปี 2014

เว็บไซต์ในข่าว: Intel

Asus Zenbook "อัลตร้าบุ๊ค"ราคาน่าสอย

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] ดูเหมือนว่า กระแสของ "อัลตร้าบุ๊ค" (ultrabook) เริ่มเห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ หลังจาก เอเซอร์ (Acer) เปิดตัว Aspire S3 ไปแล้วก่อนหน้านี้ ล่าสุด เอซุส (Asus) เปิดตัวอัลตร้าบุ๊คของทางบริษัทที่มีชื่อว่า Asus Zenbook ตามมาติดๆ ที่ตอบโจทย์ทั้งดีไซน์ที่บางเฉียบไม่แพ้ MacBook Air และประสิทธิภาพที่น่าสอยมากๆ ที่สำคัญราคาไม่แพงเกินไปอีกด้วย โดยเริ่มต้นที่ 999 เหรียญฯ หรือประมาณ 30,000 บาท

Asus Zenbook จะมีให้เลือกสองรุ่นด้วยกันคือ UX21 รุ่นหน้าจอขนาด 11.6 นิ้ว และ UX31 รุ่นหน้าจอขนาด 13 นิ้ว ในขณะที่หน่วยความจำ (RAM) ของทั้งสองรุ่นคือ 4GB ระบบออดิโอไฮโซสุดๆ ด้วย Bang & Olufsun พอร์ตเชื่อมต่อ USB ให้ 2 พอร์ตสำหรับ UX21 และ 3 พอร์ตสำหรับ UX31 นอกจากนี้ยังมีพอร์ต micro HDMI และ mini VGA เพื่อใช้ต่อออกจอทีวีไฮเดฟฯ และจอแสดงผล หรือโพรเจ็กเตอร์ สนนราคาของ UX21 อยู่ที่ 999 เหรียญฯ (ประมาณ 30,000 บาท) โดยมาพร้อมกับโมบายโพรเซสเซอร์ Intel Core i5-2467M สามารถอัพเกรดเป็น Core i7 ด้วยการเพิ่มเงินอีก 200 เหรียญฯ (ประมาณ 6,000 บาท) หน้าจอ 11.6 นิ้ว (1366 x 768 พิกเซล) สตอเรจ 128GB 

ส่วน Asus Zenbook รุ่น UX31 จะมีราคาอยู่ที่ 1,099 เหรียญฯ (ประมาณ 30,300 บาท) โดยจะมาพร้อมกับหน้าจอ 13.1 นิ้ว (1600x900 พิกเซล) โมบายโพรเซสเซอร์ Core i5-2557M ช่องอ่านการ์ดหน่วยความจำ SD และแบตเตอรี่ที่ใช้ได้นานกว่า สามารถอัพเกรดโพรเซสเซอร์เป็น Core i7 เพิ่มเงิน 100 เหรียญฯ (ประมาณ 3,000 บาท) และอัพเกรดดิสก์เป็น 256GB โดยเพิ่มเงิน 250 เหรียญฯ (ประมาณ 7,500 บาท) นอกจากสเป็กที่ดูน่าสนใจแล้ว Zenbook ยังมีจุดเด่นที่บางเบามากๆ โดยส่วนที่บางสุดแค่ 0.11 นิ้ว และหนาสุดแค่ 0.67 นิ้ว ตัวเคสทำด้วยอะลูมิเนียมขัด น้ำหนักเครื่อของ UX21 แค่ 2.43 ปอนด์ (ประมาณ 1.1 กิโลกรัม) ส่วน UX31 หนัก 2.86 ปอนด์ (ประมาณ 1.3 กิโลกรัม) เทียบแล้วบางกว่า S3 และ MacBook Air เล็กน้อย

เว็บไซต์ในข่าว: Asus

Ultrabook คืออะไร (what is Ultra book)

มันก็คือ รูปแบบ Notebook ที่คาดว่าจะเป็น notebook รูปแบบใหม่ในอนาคตนั่นเอง ซึ่งจุดเน้นก็คือ Ultrabook มีความบางเบามากเป็นพิเศษ  โดยใช้ SSD เป็นตัวเก็บข้อมูลทำให้โหลดและเซฟงานได้เร็วมาก โดยมาตฐานของอินเทลระบุความหนาไว้ที่ ไม่เกิน 21 มม. ต้องมีระยะเวลาของแบตเตอรี่อย่างน้อย 5-8 ชม.  ถ้าใช้โหมดแสตนบายจะต้องเปิดได้ภายในเวลา  2 วินาที และมีระบบความปลอดภัยดีเยี่ยม และราคาไม่เกิน 1,000 USD ซึ่ง Ultra book นั้นก็มีลักษณะคล้ายกับ Macbook Air

โดย Ultrabook นั้นสามารถทำได้ทุกอย่างที่ tablet ทำได้ (รวมถึงสัมผัสหน้าจอ) แต่ Ultrabook นั้นจะมีคีย์บอร์ดด้วย

Netbook ส่วนใหญ่จะมีสินค้าระดับล่างถึงกลาง ปัจจุบัน Ultrabook จะมาจับตลาดกลุ่มกลางและกลุ่มบน โดยมีสมรรถนะที่ดีกว่า netbook

โดยในอนาคตนั้น Intel คาดว่า 40% ของโน้ตบุ๊คที่วางจำหน่ายในปี 2012 จะเข้าข่าย Ultrabook

Ultrabook ที่ตอนนี้มีให้เห็นแล้วก็มี Asus UX21 ที่มีความบาง และมีหน้าจอขนาด 11.6 นิ้ว ทำงานด้วยโพรเซสเซอร์ Intel Core i5 และมีน้ำหนักเพียง 2.2 ปอนด์ (1 กิโลกรัม)

asus ux21asus ux21 front

Credit : http://www.kwamru.com

โหมโรง Windows8 โอเอสไร้พรมแดน

เริ่มเผยโฉมอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับระบบปฏิบัติการ วินโดวส์เวอร์ชันถัดไป Windows 8 ซึ่งไมโครซอฟท์การันตีว่าออกแบบมาสำหรับการใช้บนคอมพิวเตอร์พีซีและแท็บเล็ต ทัชสกรีนอย่างครบวงจร เติมคุณสมบัติทัชสกรีนที่มีในโอเอสสำหรับสมาร์ทโฟนอย่าง Windows Phone 7 ให้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะแบบไร้รอยต่อ คาดว่าจะมีการเปิดเผยคุณสมบัติ Windows 8 อีกรอบช่วงเดือนกันยายนนี้
       Steven Sinofsky ประธานฝ่ายธุรกิจวินโดวส์จากไมโครซอฟท์ สาธิตคุณสมบัติบางส่วนของระบบปฏิบัติการ Windows 8 ในงาน D9 ซึ่งจัดขึ้นที่แคลิฟอร์เนียเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยการันตีว่าวินโดวส์เวอร์ชันใหม่จะมีทุกความสามารถซึ่งพบในอุปกรณ์พกพายอดฮิตอย่างไอแพด
       "คอมพิวเตอร์แล็บท็อป แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป ล้วนสามารถรันบนระบบปฏิบัติการเดียว"
       ก่อนการขึ้นเวทีเพื่อนำเสนอ Windows 8 ในงาน D9 ผู้บริหารไมโครซอฟท์ได้โชว์ภาพหน้าจอเริ่มต้น (start screen) ซึ่งมีลักษณะเป็นช่องตารางลักษณะเดียวกับ Windows Phone 7 ซึ่งไมโครซอฟท์ยืนยันว่าพัฒนาบนเป้าหมายให้ผู้ใช้รับและจำแนกข้อมูลได้รวด เร็วและง่ายดาย กว่าการใช้ไอคอนซึ่งผู้ใช้ต้องคลิกเพื่อเปิดใช้แอปพลิเคชันตามปกติ
       หัวหน้าทีมพัฒนา Windows 8 ให้สัมภาษณ์ว่าไมโครซอฟท์กำลังพยายามเสนอประสบการณ์ใหม่ในการใช้งาน คอมพิวเตอร์ โดยเป้าหมายพื้นฐานของการสร้าง Windows 8 คือการ สร้างระบบที่สามารถทำงานได้ดีทั้งบนแท็บเล็ตที่มีขนาดหน้าจอ 7-8 นิ้วหรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่สามารถต่อเชื่อมหน้าจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ได้ โดยภาพ Windows 8 ที่ถูกเปิดเผยทำให้นักวิเคราะห์มองว่าเป็นไปได้สูงที่ไมโครซอฟท์จะให้บริการ ร้านดาวน์โหลดแอปฯ หรือ App Store สำหรับผู้ใช้วินโดวส์ในอนาคต
       จากการสาธิต Windows 8 สามารถรองรับทั้งแอปฯแบบดั้งเดิมที่รันบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์เวอร์ชัน ปัจจุบันอย่าง Windows 7 และแอปฯยุคใหม่ที่มีลักษณะคล้ายกับแอปฯบนอุปกรณ์พกพา แอปฯแบบหลังจะเน้นการแสดงผลเต็มหน้าจอตามโหมดการทำงานและอุปกรณ์ต่างขนาด ซึ่งรองรับทั้งเทคโนโลยี HTML5 และจาวาสคริปต์
       ก่อนหน้างาน D9 รองประธานฝ่ายพัฒนาวินโดวส์ Julie Larson-Green เคยโพสต์ข้อความบอกเล่าการเปลี่ยนแปลงใน Windows 8 ว่าเป็นการเปลี่ยนโฉมวินโดวส์ตั้งแต่ภายในถึงภายนอก โดยมั่นใจว่าระบบปฏิบัติการ Windows 8 จะเหมาะสมกับอุปกรณ์ทั้งที่มีและไม่มีคีย์บอร์ด/เมาส์ จุดนี้ Larson-Green ประกาศว่าไมโครซอฟท์จะโชว์ตัว Windows 8 อย่างละเอียด พร้อมโปรแกรม Internet Explorer 10 เว็บเบราว์เซอร์เร็วจี๋ถึงใจที่จะถูกนำมารวมไว้ใน Windows 8 ที่งานประชุมนักพัฒนาซึ่งจะจัดขึ้นที่แคลิฟอร์เนีย ช่วงวันที่ 13 กันยายนนี้
       ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ของไมโครซอฟท์นั้นยังคงเป็นระบบปฏิบัติการที่ ถูกใช้งานมากที่สุดในโลก มียอดจำหน่ายลิขสิทธิ์มากกว่า 400 ล้านเครื่องต่อปี อย่างไรก็ตาม วินโดวส์ถูกวิจารณ์ว่ากำลังล้าหลังคู่แข่งอย่างแอปเปิลและกูเกิลในตลาดแท็บ เล็ต เพราะผลิตภัณฑ์ระบบปฏิบัติการไอโอเอสอย่าง iPad สามารถครองตำแหน่งเบอร์ 1 ในตลาดเรียบร้อย
       สำหรับข่าวคราวล่าสุดของไมโครซอฟท์ คือการถูกพันธมิตรสัญชาติฟินแลนด์อย่างโนเกียปฏิเสธแข็งขันว่าไมโครซอฟท์จะ ไม่เข้าซื้อโนเกียอย่างที่มีข่าวลือซึ่งอ้างข้อมูลจากนักวิเคราะห์ Eldar Murtazin ที่ระบุว่าไมโครซอฟท์กำลังพิจารณาซื้อธุรกิจโทรศัพท์มือถือจากโนเกียด้วย มูลค่า 1.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดย Stephen Elop ซีอีโอโนเกียซึ่งเคยทำงานกับไมโครซอฟท์มาก่อนเป็นผู้ปฏิเสธข่าวที่เกิดขึ้น
ซีอีโอโนเกียยังคงยืนยันว่า สมาร์ทโฟนโนเกียที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Phone 7 ของไมโครซอฟท์จะเริ่มวางตลาดได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้
Company Related Link :
Windows8

เผยโฉม 'Windows 8' กับภาพลักษณ์ใหม่แกะกล่อง?

"ลืมรูปแบบระบบปฏิบัติการวินโดวส์แบบเดิมๆไปได้เลย" หนึ่งในคำกล่าวเปิดงานจากประธานฝ่ายธุรกิจวินโดวส์ ที่เผยโฉมพร้อมแสดงศักยภาพระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 ให้แก่กลุ่มนักพัฒนาภายในงาน 'Build' ที่ไมโครซอฟท์จัดขึ้นเพื่อให้ความรู้แก่นักพัฒนาในการผลิตโปรแกรมเพื่อใช้ งานบนวินโดวส์ 8
       สตีเวน ไซนอฟสกี (Steven Sinofsky) ประธานฝ่ายธุรกิจวินโดวส์จากไมโครซอฟท์ กล่าวว่า ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ตั้งแต่ในส่วนของชิปเซ็ตที่รองรับทั้งสถาปัตยกรรม ARM และ x86 ไปจนถึงฟอร์มเฟคเตอร์ของอุปกรณ์ ไล่ตั้งแต่โน้ตบุ๊กหรือแท็บเล็ตขนาดหน้าจอ 10 นิ้ว ไปจนถึงออลอินวันพีซี ขนาด 27 นิ้วความละเอียดสูง
"ไม่มีข้อจำกัดระหว่างอุปกรณ์พกพาและ คอมพิวเตอร์อีกต่อไป เพราะระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 สามารถใช้งานได้ในทุกๆดีไวส์ แม้แต่เน็ตบุ๊กที่ใช้ซีพียู Atom รุ่นแรก กับ RAM 1 GB ก้สามารถใช้งานได้"
ในจุดนี้ ถ้าสังเกตกันจะพบว่าหน้าจออินเตอร์เฟสหลักของวินโดวส์ 8 ในชื่อ "Metro-Styled" ที่ถูกเปิดเผยออกมานั้น จะใช้คอนเซปต์เดียวกับอินเตอร์เฟสของระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โฟน 7 ที่สามารถปรับมาเพื่อใช้งานบนเดสก์ท็อป โน้ตบุ๊ก และแท็บเล็ต ซึ่งในการใช้งานผู้ใช้สามารถ สัมผัสค้าง เพื่อสลับสับเปลี่ยนช่องการแสดงผลต่างๆไปมาได้ทันที เหมือนการใช้งานวินโดวส์ โฟน 7
       ขณะที่เว็บเบราว์เซอร์อย่าง Internet Explorer 10 ที่กำลังอยู่ในช่วงพัฒนานั้น ก็มีการพัฒนารูปแบบในการแสดงผลให้เหมาะสมกับอุปกรณ์พกพาต่างๆมากขึ้น
       ส่วนการพัฒนาแอปพลิเคชัน ที่ให้บริการผ่าน 'วินโดวส์ สโตร์' นั้นไมโครซอฟท์ให้แนวคิดในการพัฒนาไว้ว่า แอปฯทุกแอปฯในทุกดีไวส์ จะสามารถเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันละกัน ช่วยให้ผู้ใช้งานที่มีหลายดีไวส์สามารถอัปเดตข้อมูลได้ตลอดเวลา
       จุดที่สำคัญที่สุดคือ โปรแกรม และแอปพลิเคชันที่สามารถใช้งานบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 7 สามารถนำมาใช้งานบนวินโดวส์ 8 ได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 สำหรับนักพัฒนา จะเปิดให้ดาวน์โหลดมาใช้งานกันในช่วงปลายสัปดาห์นี้

       และภายในงานดังกล่าว ไมโครซอฟท์ได้มีการแจก Samsung Windows Developer Preview PC กว่า 5,000 เครื่อง ให้แก่นักพัฒนา ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่มาในรูปแบบของแท็บเล็ต พร้อมแท่นที่สามารถเชื่อมต่อกับคีย์บอร์ด ทำงานบนหน่วยประมวลผล 2nd Gen Intel Core i5 หน้าจอ PLS ขนาด 11.6 นิ้ว ความละเอียด 1366 x 768 พิกเซล RAM 4 GB หน่วยความจุแบบ SSD 64 GB น้ำหนัก 909 กรัม บางเพียง 12.9 มิลลิเมตร
Company Relate Link :
Microsoft

8 คุณสมบัติสุดเริ่ดใน Windows 8

อย่ามัวแต่ บ่นว่า Windows 7 ยังไม่ทันได้ใช้ Windows 8 ก็แจ้งเกิดออกมาแล้ว ตามไปตรวจแถว 8 คุณสมบัติสุดเวิร์กของระบบปฏิบัติการรุ่นต่อไปของไมโครซอฟท์ที่ทำให้สื่อมวล ชนและนักพัฒนาในงาน Windows Build Conference ออกอาการอึ้งและทึ่งมาแล้ว
       คุณสมบัติโดยรวมของ Windows 8 คือผู้ใช้สามารถเลือกใช้งานได้ 2 มุมมอง คือ "Desktop View" รูปแบบคลาสสิกสำหรับใช้งานบนคอมพิวเตอร์พีซี และ "Metro View" รูปแบบสำหรับใช้งานบนแท็บเล็ตหรืออุปกรณ์หน้าจอสัมผัส ทั้งหมดนี้ ไมโครซอฟท์ยืนยันว่าวินโดวส์เวอร์ชัน 8 จะยังไม่พร้อมวางตลาดจนกว่าจะถึงปีหน้า (2012)
       สำหรับ 8 คุณสมบัติต่อไปนี้ถูกคัดเลือกมาจากคุณสมบัติใหม่ "หลายร้อยจุด" ซึ่งสตีฟ ไซนอฟสกี้ (Steve Sinofsky) ประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์วินโดวส์และวินโดวส์ไลฟ์ระบุไว้ ทั้งหมดเป็นคุณสมบัติที่ทำให้สื่อต่างชาติลุกจากเก้าอี้เพื่อมองให้ถนัดว่า คุณสมบัตินั้นทำงานอย่างไร ถือเป็นส่วนหนึ่งของคุณสมบัติที่เชื่อว่าจะทำให้สาวกวินโดวส์ตื่นเต้นที่สุด ในบรรดาข้อมูลของ Windows 8 ที่ถูกประกาศออกมาในขณะนี้

เพียง แตะภาพสาวที่จมูก จากนั้นแตะที่แก้วน้ำมะนาว แล้วลากนิ้วปาดจากขอบเรือมาสู่ขอบแก้ว ก็สามารถปลดล็อกเครื่อง Windows 8 ได้อย่างเก๋ไก๋

1. ปลดล็อกด้วยการแตะ-ปาดภาพ
       ทีมไมโครซอฟท์คุยฟุ้งถึงระบบป้อนรหัสผ่านแนวใหม่ที่จะทำให้ผู้ใช้มี ทางเลือกอื่นในการปลดล็อกหน้าจอคอมพิวเตอร์ Windows 8 จากเดิมที่สาวกวินโดวส์จะต้องพิมพ์รหัสผ่านที่เป็นตัวอักษร แต่ Windows 8 จะทำให้ผู้ใช้ป้อนรหัสผ่านด้วยการ "ปาดและแตะ" ภาพ ซึ่งจะให้อารมณ์ที่คล้ายกับผู้ใช้อุปกรณ์พกพาแอนดรอยด์ (Android) เล็กน้อย
       ระบบรหัสผ่านใหม่ของ Windows 8 จะเปิดให้ผู้ใช้สามารถตั้งรหัสผ่านได้ด้วยการเลือกรูปภาพ และเลือกพื้นที่ภาพที่ต้องการแตะและปาดเพื่อปลดล็อกเครื่อง จาก การสาธิตของ Julie Larson-Green รองประธานกลุ่มธุรกิจองค์กร ผลิตภัณฑ์วินโดวส์ ในงานประชุม Windows Build เธอสามารถเลือกภาพลูกสาวซึ่งยืนอยู่บนเรือสำราญพร้อมแก้วน้ำมะนาวในมือ ซึ่งเมื่อเธอแตะภาพลูกสาวที่จมูก จากนั้นที่แก้วน้ำมะนาว แล้วลากนิ้วปาดจากขอบเรือมาสู่ขอบแก้ว ก็สามารถปลดล็อกได้อย่างเก๋ไก๋

Windows 8 สามารถแสดงข้อมูลอีเมลใหม่บน Lock Screen ทำให้ผู้ใช้ Windows 8 สามารถทราบได้ทันทีว่าได้พลาดอะไรไปเมื่อไม่อยู่หน้าเครื่อง

2. แจ้งเตือนอีเมลใหม่บนหน้าจอล็อกเครื่อง
       ไมโครซอฟท์ดัดแปลงความสามารถในการแสดงข้อมูลบน Lock Screen หรือหน้าจอที่แสดงว่าเครื่องสมาร์ทโฟนถูกล็อกมาใช้อย่างฉลาด โดยแทนที่จะแสดงเป็นภาพนิ่งหรือนาฬิกาทั่วไป แต่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ Windows 8 จะสามารถรับรู้ข้อมูลใหม่ทั้งปฏิทินงานที่ใกล้มาถึงและอีเมลใหม่ได้แม้จะ อยู่ห่างจากคีย์บอร์ดไปนาน การดึงข้อมูลแจ้งเตือนแบบอัตโนมัตินี้เชื่อว่าจะมีประโยชน์อย่างมากต่อผู้ ใช้คอมพิวเตอร์พีซี เช่นเดียวกับที่มีประโยชน์กับผู้ใช้สมาร์ทโฟนพกพามาแล้ว
แม้จะเป็นการอัปเกรดที่ไม่มาก และประหยัดเวลาให้ผู้ใช้ไม่เกิน 2 วินาที แต่คุณสมบัติข้อนี้ทำให้ผู้ใช้ Windows 8 สามารถทราบได้ทันทีว่าได้พลาดอะไรไปเมื่อไม่อยู่หน้าเครื่อง ขณะเดียวกันก็ลดความจำเป็นในการปลดล็อกเครื่องลง โดยระบบสามารถอัปเดทข้อมูลใหม่ให้กับผู้ใช้พีซีที่พักเครื่องไปนานได้ สำหรับในอุปกรณ์พกพา หน้าจอ Lock Screen ของ Windows 8 สามารถแสดงข้อมูลแบตเตอรี่ เวลา และข้อความสนทนาใหม่ได้ครบถ้วน

3. เร็วจริงอะไรจริง
ความเร็วของ Windows 8 สร้างความฮือฮาเหลือเกินในงาน Build Conference ทั้งหมดกินเวลาไม่เกิน 8 วินาที

หลักการทำงานของ Windows 8 ที่ทำให้สามารถเปิดการทำงานได้เร็วเช่นนี้นั้นมีลักษณะเดียวกับระบบปฏิบัติการของแอปเปิล คือการไม่ปิดการทำงานของเคอร์แนลแต่ใช้วิธีการพักชั่วคราวเพื่อให้สามารถเปิดกลับมาทำงานอีกครั้งได้แบบทันที วิดีโอสาธิตข้างบนนี้ทำให้เห็นว่าโน้ตบุ๊กที่ไม่ได้เสียบไฟและไม่มีแหล่งพลังงานก็สามารถใช้เวลาเปิด Windows 8 ในเวลาพริบตาเดียว

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

ปุ่ม Refresh ระบบในเมนู General ภายในหน้า Control Panel ของ Windows 8

4. ทำ System Refresh โดยไฟล์ไม่หาย
       คุณสมบัตินี้ไม่ได้แปลว่าสาวกวินโดวส์ไม่จำเป็นต้องสำรองไฟล์ในไดร์ฟพกพาหรือเลิกใช้บริการ Dropbox อีกต่อไป แต่ หมายถึงไมโครซอฟท์การันตีว่าผู้ใช้ Windows 8 จะสามารถรีสโตร์หรือตั้งค่าระบบใหม่โดยไม่ทำให้ไฟล์เพลง ภาพยนตร์ หรือเอกสารที่ทำไว้หายไป
       คุณสมบัตินี้อยู่ในรูปปุ่ม Refresh ระบบในเมนู General ภายในหน้า Control Panel ซึ่งไมโครซอฟท์ประกาศชัดเจนพร้อมกับเสนอปุ่มให้ผู้ใช้กดเพื่อเริ่มรีสโตร์ ระบบ ถือเป็นการเพิ่มความอุ่นใจให้กับผู้ใช้พีซีทั่วไปอีกมาก

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

Task Manager ใหม่ใช้ง่ายของ Windows 8

5. หน้า Task Manager ใหม่ใช้ง่าย
       ผู้บริหารไมโครซอฟท์นั้นกล่าวไว้ในงาน Build Conference ว่า ไมโครซอฟท์ออกแบบหน้าต่างจัดการงานหรือ task manager ใหม่ต่อเนื่องมานานกว่า 10 ปีแล้ว ครั้งนี้ Windows 8 ก็ถูกออกแบบให้อีกครั้งให้มีรูปแบบการอ่านและใช้งานได้ง่ายกว่าเดิม
       จุดเด่นของทาสก์แมเนเจอร์ใน Windows 8 ไม่ได้อยู่ที่การจัดข้อมูลในรูปตารางที่อ่านง่ายกว่าเดิมเท่านั้น แต่อยู่ที่เปิดให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มหรือลบรายชื่อโปรแกรมที่ต้องการให้ระบบเปิดใช้งานอัตโนมัติเมื่อเริ่มเปิดเครื่อง จุดนี้ถือเป็นคุณสมบัติที่สามารถป้องกันมัลแวร์หรือซอฟต์แวร์ประสงค์ร้ายได้ มาก แถมยังประหยัดกำลังของหน่วยประมวลผลได้ทั้งในอุปกรณ์พกพาและคอมพิวเตอร์พีซี

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

คีย์บอร์ดเสมือนที่แยกจากกันเป็น 2 ฝั่งของ Windows 8

6. คีย์บอร์ดแยกเพื่อการพิมพ์ด้วยนิ้วโป้ง
       ต้องปรบมือให้ความสามารถนี้ของ Windows 8 เพราะไมโครซอฟท์เข้าใจหัวอกของผู้ใช้แท็บเล็ตทั่วโลกได้ดีเหลือเกิน ซึ่งนับจากนี้ หากชาวแท็บเล็ตถือจับเครื่องด้วย 2 มือ ก็จะสามารถพิมพ์งานด้วยนิ้วโป้งได้ สะดวกกว่าการพิมพ์บนคีย์บอร์ดเดิมซึ่งต้องใช้การเคลื่อนมือทั้งมือ
ไมโครซอฟท์พัฒนาให้ Windows 8 มีคีย์บอร์ดเสมือนที่แยกจากกันเป็น 2 ฝั่ง แทนที่จะติดกันเป็นแพอยู่ชิดขอบจอ คุณสมบัตินี้ถูกวิเคราะห์ว่าจะช่วยให้ชาววินโดวส์สามารถทำงานขณะเคลื่อนที่ ได้ดีกว่าเดิม ซึ่งหากไม่จำเป็น ผู้ใช้ Windows 8 ก็สามารถเลือกใช้คีย์บอร์ด QWERTY ติดกันแบบปกติได้

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

ผู้ใช้ Windows 8 สามารถกดที่ปุ่ม "Share Charm" เพื่อเปิดไซด์บาร์หรือแถบเมนูที่จะเลื่อนมาจากด้านข้าง

7. แชร์แสนสะดวก
       ใน 'Metro View' ผู้ใช้ Windows 8 สามารถกดที่ปุ่ม "Share Charm" เพื่อเปิดไซด์บาร์หรือแถบเมนูที่จะเลื่อนมาจากด้านข้าง ซึ่งจะเปิดทางให้ผู้ใช้เลือกแบ่งปันข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันที่ต่างกันได้ ความสามารถนี้สะท้อนว่าไมโครซอฟท์ให้ความสำคัญเรื่องการโต้ตอบและการสื่อสาร ของผู้ใช้อย่างมาก
       และเมื่อโปรแกรมที่รองรับ Windows 7 สามารถทำงานบน Windows 8 ได้ ความสามารถในการแชร์ข้อมูลจึงสะท้อนว่าไมโครซอฟท์กำลังพยายามดันบริการ Windows Live สู่ระบบคลาวด์มากขึ้น ผู้ใช้ Windows 8 สามารถแบ่งปันข้อมูลที่ต้องการแก่ใครก็ได้ที่มีอีเมลแอดเดรส โดยกดปุ่ม Send ในโปรแกรม Share

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

ไมโครซอฟท์ยืนยันว่า Windows 8 ใช้แรมเพียง 281MB ในการเปิดทำงาน เทียบกับ 404MB ของ Windows 7

8. ใช้ RAM น้อยลง (มาก)
       ก่อนหน้านี้ ทุกคนอาจจะคิดว่าคุณสมบัติเริ่ดหรูของ Windows 8 ทั้งอินเทอร์เฟซสวยงาม การรองรับเทคโนโลยีสัมผัส รวมถึงการทำงานแบบเสมือน จะทำให้ Windows 8 ใช้งานหน่วยความจำสำรองหรือ RAM จำนวนมหาศาล แต่เปล่าเลย ผู้บริหารไมโครซอฟท์ยืนยันว่า Windows 8 ใช้แรมเพียง 281MB ในการเปิดทำงาน เทียบกับ 404MB ของ Windows 7
       อย่างไรก็ตาม ปริมาณการประหยัดแรมที่น่าประทับใจนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลง เพราะคุณสมบัติทั้งหมดมาจาก Windows 8 เวอร์ชันทดสอบ ซึ่งไมโครซอฟท์ยังต้องนำเสียงตอบรับมาพัฒนาอีกในอนาคต
Company Related Link :
Microsoft

Activate windows7 ทุกรุ่น [Mediafire]

Activate windows7 ใช้ได้กับทุกรุ่นครับ ลองไปใช้กันดูนะขนาดเพียง 8.84 MB

Download

~ กู้ไฟล์จาก flash drive ง่ายๆแค่ไม่เกิน 5 คลิ้ก ~

Smart Flash Recovery is a Flash recovery tool for Windows operating system that supports the FAT 16/32 file system. The software easily recovers data from any type of storage media - flash drives, USB drives, digital cameras, memory stick, PC card, multimedia card, secure digital card.
วิธีใช้งาน
1. ก่อนอื่นต้องเปิดโปรแกรม และเสียบ flash drive หรือ card ที่จะทำการกู้ก่อนนะ  ;)


i23t1


2. คลิกที่ตำแหน่ง 1 ในรูปเพื่อเลือกไดร์ แล้วคลิกที่ 2 เพื่อเลือกชนิดของไฟล์ที่จะกู้คืน

3. คลิกที่ตำแหน่ง 3 เพื่อให้เริ่ม/หยุด ทำงาน


rrqj2
4. เมื่อโปรแกรมทำงานเสร็จสิ้น จะปรากฎหน้าต่างดังรูป เราเพียงแค่เลือกไฟล์ที่อยากได้คืน แล้วคลิกปุ่ม Restore จบขั้นตอนครับ

Download

วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2554

อัพเกรด Windows 7 เป็นเวอร์ชันสูงกว่าง่ายแค่คลิ๊กผ่าน Windows Anytime Upgrade

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] ซื้อโน้ตบุ๊กใหม่ได้พรีโหลด Windows 7 Starter แต่อยากเปลี่ยนไปใช้ Windows 7 Ultimate แบบไม่ต้องฟอร์แมตใหม่ใช่หรือเปล่า

หลายครั้งที่ไปเดินเลือกซื้อโน้ตบุ๊กได้รุ่นที่ถูกใจ แต่ดันพรีโหลด Windows 7 Starter มาให้เสียนี่ ก็ตั้งใจจะเอาเครื่องนี้มาใช้ทั้งที่บ้านและที่บริษัท ซึ่งถ้าให้ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว Windows ที่จะใช้ในออฟฟิศได้จำเป็นที่จะต้องใช้ Windows 7 Professional ขึ้นไป ก็มีทางเลือกอยู่สองทางคือ ซื้อ Windows Upgrade กับซื้อ Windows Anytime Upgrade (อ้างอิงข้อมูลสินค้าที่ใช้ในการอัพเกรดจาก http://store.microsoft.com/microsoft/Windows-Windows-7/category/102) ซึ่งทั้งสองทางนี้ต่างกันก็คือ ราคา และเวลาที่ใช้ในการลง โดยที่ถ้าเป็นวิธีที่หนึ่งราคาจะแพงกว่า และต้องเสียเวลาลงทับใหม่ ในขณะที่วิธีที่สอง ราคาจะถูกกว่ามาก และใช้เวลาในการลงเพียงแค่สิบห้านาที

พร้อมแล้วก็เริ่มเลยดีกว่า

  1. ไปยังร้านค้าปลีกใกล้บ้านเพื่อซื้อคีย์ Windows Anytime Upgrade แล้วก็เลือกรุ่นให้ตรงกับเครื่องของคุณ
  2. หลัง จากนั้นเรียกโปรแกรม Windows Anytime Upgrade ด้วยการคลิกปุ่ม Start และพิมพ์คำว่า Windows Anytime Upgrade ลงใน Search และคลิก Windows Anytime Upgrade
  3. หลังจากนั้น ก็เลือกไปที่ Enter and Upgrade Key
  4. กรอกคีย์ที่คุณซื้อมาลงไปในช่อง Windows Anytime Upgrade
  5. หลังจากนั้นรอประมาณ 15 นาที โปรแกรมจะจัดการอัพได้ให้ Windows 7 เป็นเวอร์ชันที่คุณต้องการ
  6. Restart ใหม่เท่านั้น แค่นี้ก็เสร็จแล้วครับ ง่ายจริงๆ

หมายเหตุ:

  1. Windows Anytime Upgrade สามารถใช้อัพเกรดได้ตั้งแต่เวอร์ชัน Starter ไปถึง Professional เท่านั้น
  2. ไม่สามารถใช้การอัพเกรดจาก Windows 32 Bit เป็น  Windows 64 Bit ได้
  3. ลักษณะ ของไลเซนส์จะเป็นไปตาม Windows 7 เดิมที่ได้ลงไว้ เช่น ถ้าอัพเกรดจาก Windows 7 Stater OEM (ติดมากับเครื่อง) แล้วอัพเดตเป็น Windows 7 Ultimate ไลเซนส์ก็จะเป็น Windows 7 Ultimate OEM
  4. สำหรับการใช้งานในองค์กร ถ้าต้องการใช้ไลเซนส์แบบ Open License ได้นั้น เครื่องที่ใช้จะเป็น Windows 7 Professional ขึ้นไป ซึ่งจะต้องใช้ Windows Anytime Upgrade อัพเกรดจาก Windows 7 เดิมให้เป็น Windows 7 Professional ก่อน แล้วถึงจะใช้ไลเซนส์แบบ Open License ได้
  5. การซื้อคีย์ผ่านระบบออนไลน์ยัวไม่เปิดให้บริการในประเทศไทย ต้องติดต่อผ่านตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น

เทคนิคใช้ Windows Search ค้นหาไฟล์แบบสายฟ้าแลบ!!!

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] วันนี้กองบ.ก.เว็บไซต์ arip มีทิปง่ายๆ มาฝาก โดยเเฉพาะผู้ที่ใช้ช่องค้นหา (Search box) ในเมนู Start ของ Windows ซึ่งเป็นเรื่องเล็กๆ ที่ผมเชื่อว่า หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า มันทำได้ ที่สำคัญมันช่วยให้คุณสามารถค้นหาไฟล์ หรือโปรแกรมที่ต้องการได้เร็วกกว่าเดิม ทำอย่างไรไปดูกันครับ

ปกติช่อง Search ในเมนู Start ของ Windows จะสามารถค้นหาไฟล์ หรือโปรแกรมทีตรงกันจากตัวอักษรที่คุณพิมพ์เพิ่มเข้าไปทีละตัว สมมติว่า คุณต้องการหาโปรแกรม "Windows Media Player" คุณก็จะค่อย พิมพ์ชื่อนี้เข้าไปในช่องค้นหา ด้วยการพิมพ์ตัวอักษรเข้าไปทีละตัวเรียงตามกันไป ซึ่งรายชื่อไฟล์ หรือโปรแกรมที่มีชุดตัวอักษรเรียงตามชื่อที่พิมพ์เข้าไปก็จะปรากฎปรับ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนถึงชื่อไฟล์ หรือโปรแกรมที่ใช่

จาก ตัวอย่างข้างต้นคุณต้องพิมพ์ Windows... ก็ 7 ตัวเข้าไปแล้ว สำหรับทิปนี้จะช่วยให้คุณพบไฟล์ หรือโปรแกรมทีต้องการเร็วขึ้น โดยแทนที่จะพิมพ์ชื่อตามตัวอักษรดังกล่าว ให้คุณพิมพ์เฉพาะตัวอักษรตัวแรกของชื่อโปรแกรมเท่านั้น ตัวอย่างในที่นี้ก็พิมพ์แค่ w m p (Windows Media Player) เพียงแค่รายชื่อโปรแกรมที่ได้จากการ Search ด้วยคีย์เวิร์ดดังกล่าวก็จะโผล่ Windows Media Player ขึ้นมาให้ทันที พิมพ์แค่ 3 ตัวเอง แล้วถ้าผมพิมพ์ในช่อง Search ว่า m o w ล่ะ? ใช่แล้วครับ Microsoft Office Word นั่นเอง หวังว่า ทิปง่ายๆ อย่างนี้คงจะถูกใจคุณผู้อ่านนะครับ

มาเปลี่ยนสี Taskbar ของ Windows 7 กันดีกว่า :D

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] Windows 7 นอกจากจะมาพร้อมกับประสิทธิภาพความเร็วของการทำงานที่ดีเยี่ยม ประกอบกับความแข็งแรงของโอเอสที่ดีขึ้น ทำให้มันได้รับคำชมมากมาย ในขณะเดียวกันลูกเล่นในการปรับแต่ง เปลี่ยนธีมก็ยังคงมีให้มากมาย ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนองค์ประกอบต่างๆ บนเดสก์ทอปตลอดจนสีสันต่างๆ ได้มากมาย แต่มันมีอยู่อย่างหนึ่งที่มักจะไม่ค่อยได้เปลี่ยนแปลงสีสันกับเขาสักเท่าไร

ทิปนี้เอาใจคุณผู้อ่านที่ชอบตกแต่ง Windows 7 ด้วยการแนะนำซอฟต์แวร์ที่เปิดให้ดาวน์โหลดฟรีถึง 2 ตัวด้วยกัน โดยทั้งสองโปรแกรมจะสามารถเปลี่ยนสีของ Taskbar ได้ ซึ่งใช้งานง่ายทั้งคู่ แถมยังมีลูกเล่นที่น่าสนใจอีกด้วย พร้อมแล้วไปดูกันเลย

Windows 7 Taskbar Color Changer

สำหรับตัวแรกนี้พัฒนาด้วย .net ดังนั้นระบบที่รันได้จะต้องมี Microsoft .net Framework 4.0 หลังจากดาวน์โหลดโปรแกรมมา แล้ว เมื่อสั่งรัน ผู้ใช้จะสามารถเปลี่ยนสีของ Taskbar ได้ด้วยการคลิกบนปุ่ม Random ซึ่งจะสุ่มเลือกสี เพื่อความสนุกตื่นเต้น หรือคลิกบนแถบสี เพื่อเปิดจานสีของ Windows ขึ้นมา อ้อ...เกือบลืมบอกไปว่า ซอฟต์แวร์ตัวนี้จะทำงานได้เมื่อผู้ใช้เปิดโหมดการแสดงผล Windows Aero เท่านั้นด้วยนะครับ หน้าตาของโปรแกรมเป็นดังรูปข้างล่างนี้

Color Taskbar

ยัง ไม่หมดครับ เพราะเรามีโปรแกรมจากนักพัฒนาคนเดียวกัน ซึ่ง Color Taskbar จะทำงานในโหมด Windows Aero เช่นเดียวกัน แต่มันดูน่าสนุกกว่าโปรแกรมตัวแรกตรงที่สีสันของ Taskbar จะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีต่างๆ ไปเองได้โดยอัตโนมัติ นับเป็นเอฟเฟ็กต์ที่มีลูกเล่นน่าสนใจไม่น้อย คุณผู้อ่านที่สนใจสามารถดาวน์โหลดโปรแกรม Color Taskbar ได้ที่นี่ ส่วนข้างล่างนี้เป็นคลิปสาธิตการทำงานของโปรแกรมครับ

ปักหมุดไดรฟ์ C: บน Taskbar ของ Windows 7 สะดวกคลิกจริงๆ

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] แม้ Taskbar ของ Windows 7 จะใช้งานสะดวกง่ายดาย โดยเฉพาะการเข้าถึงโฟลเดอร์ ไฟล์ และโปรแกรมต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว แต่มันยังไม่สะดวกนักหากต้องการเข้าถึงฮาร์ดดิสก์ (ไดรฟ์ C: เป็นต้น) จาก Taskbar แถม Windows 7 ยังไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ลากฮาร์ดดิสก์ไปวางบนมันได้เหมือนกับโปรแกรมอื่นๆ อีกด้วย แต่อย่าเพิ่งหมดหวัง เพราะในความเป็นจริงคุณสามารถำได้ อาศัยแค่ความพยายามเพียงนิดหน่อยเท่านั้น ถ้าพร้อมแล้วทำตามขั้นตอนต่อไปนีได้เลยครับ

1. ขั้นแรก สร้างไฟล์ข้อความบนเดสก์ทอป โดยคลิกขวาบนพื้นที่ว่างเดกส์ทอปเลือกคำสั่ง New ตามด้วย Text Document

2. จากนั้นเปลี่ยนชื่อไฟล์เป็นชื่อที่ต้องการ ตัวอย่างเช่น Drive C และเปลี่ยนนามสกุลจาก .txt เป็น .exe แทน

3. คราวนี้ให้ใช้เมาส์ลากไอคอนไฟล์ Drive C.exe ที่สร้างบนเดสก์ทอปมาวาง Taskbar

4. คลิกขวาบนไอคอนที่ปรากฎใน Taskbar คลิกขวา Drive C เลือกคำสั่ง Properties

5. คลิกปุ่ม change icon มันอาจจะมีการแสดงข้อความผิดพลาดขึ้นมา แต่ไม่ต้องสนใจ คลิก OK จากนั้นเลือก icon จากหน้าต่าง Change Icon แล้วคลิกปุ่ม OK เพื่อเปลี่ยนรูป icon บน Taskbar

6. หลังจากเปลี่ยนไอคอนให้กับ Drive C เสร็จแล้ว คุณจะยังอยู่ในหน้าต่าง Properties ให้เปลี่ยนข้อความในช่อง Target จาก C:Usersชื่อผู้ใช้DesktopDrive C.exe เป็นไดรฟ์ที่คุณต้องการ ในตัวอย่างนี้ก็คือ C:

7. ขั้นตอนสุดท้ายคลิกปุ่ม OK เพื่อจัดเก็บค่ากำหนดการทำงานให้กับไอคอนของ Drive C ที่ตอนนี้ นอนรอให้คุณเรียกใช้งานบน Taskbar ของ Windows 7 แล้ว ถึงขั้นตอนนี้ คุณสามารถลบไฟล์ Drive C.exe บนเดสก์ทอปออกไปได้ด้วย

ทิป นี้จะเป็นการหลอก Taskbar ของ Windows 7 ให้ยอมรับชอร์ทคัทไอคอนของไฟล์ปลอมๆ Drive C.exe (ความเป็นไฟล์ข้อความว่างๆ .txt) จากนั้นแก้ไขไอคอนที่ต้องการ ก่อนที่จะเปลียนเป้าหมายของชอร์ทคัตให้เปิดหน้าต่าง Drive C แทนนั่นเอง

จะยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่โน้ตบุ๊ค Windows 7 ให้นานที่สุดได้อย่างไร?

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] มีรายงานข่าวว่า คอมพิวเตอร์ที่ใช้รัน Windows 7 ช่วยให้องค์กรประหยัดค่าไฟลงได้มากกว่า 1,200 (ประมาณ 40 เหรียญฯ) บาททต่อเครื่องต่อปี ซึ่งอานิสงฆ์นี้ยังส่งผลถึงการบริหารจัดการพลังงานบนโน้ตบุ๊คที่มี ประสิทธิภาพขึ้นด้วย แต่ทั้งนี้ผู้ใช้จะต้องมีความเข้าใจพื้นฐานของระบบเสียก่อน จึงจะสามารถรีดพลังงานจากแบตเตอรี่โน้ตบุ๊คที่รัน Windows 7 ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ทราบไหมว่า นอกจากส่วนแสดงผลของโน้ตบุ๊คที่สวาปามพลังงานไฟฟ้ามากกว่าเพื่อนแล้ว ยังมีอุปกรณ์ส่วนไหนของเครื่องอีกที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ไม่แพ้กัน โพรเซสเซอร์? Wi-Fi และ Bluetooth? หรือ ลำโพง? ผมว่าอย่าเดาดีกว่า กราฟวงกลมข้างล่างนี้จะทำให้คุณผู้อ่านได้ทราบความจริงว่า ในโน้ตบุ๊คหนึ่งเครื่องมีการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ส่วนใดบ้างมากน้อยอย่างไร? เพื่อใช้เป็นพื้นฐานในการเลือกระบบจัดการพลังงานที่จะทำให้ใช้งานโน้ตบุ๊ค จากแบตฯที่เหลืออยู่ได้นานที่สุดนั่นเอง

ใน ส่วนของ Windows Vista จะโดนวิจารณ์อย่างหนักพอสมควรสำหรับระบบจัดการพลังงานแบตเตอรี่ที่พบ ว่า มันยังหมดค่อนข้างเร็ว ด้วยเล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว ทางไมโครซอฟท์จึงได้พยายามอย่างหนักในการพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการพลังงาน ของแบตเตอรี่บนระบบปฏิบัติการ Windows 7 อย่างไรก็ตาม หากแบตเตอรี่ของโน้ตบุ๊คคุณเก่าเสียเหลือเกินยังไงๆ มันก็หมดเร็วไม่ต้องสงสัย และนั่นเป็นสัญญาณถึงเวลาซื้อแบตเตอรี่ก้อนใหม่ได้แล้ว แต่ถ้าแบตฯของคุณยังสุขภาพดีอยู่ ทิปเหล่านี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตฯได้

กลับ มาดูที่ประเด็นหลักของทิปนี้ ซึ่งจะพูดถึงโน้ตบุ๊คที่รัน Windows 7 เป็นสำคัญ ก่อนอื่นต้องบอกว่า แผงควบคุมการจัดการพลังงานของ Windows 7 ทำออกมาได้ดีทีเดียว โดยมันเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งความสว่างของหน้าจอ และเลือกแผนการใช้พลังงานไว้ใช้ได้เลย โดยผู้ใช้สามารถเข้าถึงระบบการจัดการพลังงานของ Windows 7 ได้ด้วยการกดปุ่ม Windows+X ซึ่งที่นี่จะเปิดโอกาสให้คุณปรับเปลี่ยนได้ทุกอย่าง ตั้งแต่ ความสว่างไปจนถึงการกำหนดแผนการใช้พลังงาน ถ้าคุณต้องการตัวเลือกที่ละเอียดกว่า คุณก็สามารถคลิกที่ไอคอน Battery ใน System Tray บนTaskbar ของคุณ แล้วเลือก More power options

คราว นี้คุณผู้อ่านก็สามารถเปลียนแปลงการใช้พลังงานของโน้ตบุ๊คได้เมื่อต้องการ แล้ว ไม่ว่าจะเป็นลดความสว่าง เมื่อไรถึงจะเข้า sleep mode หรือแม้แต่กำหนดความสว่างก่อนเสียบปลั๊ก และหลังเสียบปลั๊ก นอกจากการปรับลดแสงสว่างของหน้าจอ เพื่อประหยัดพลังงานแล้ว คุณผู้อ่านสามารถเข้าไปวางแผนการใช้พลังงานได้ที่ change advanced power settings คุณ จะสามารถเปลียนค่าการใช้พลังงานต่างๆ ได้อย่างละเอียดตั้งแต่ความเร็วของ processor (ช้าลงก็ใช้ไฟน้อยลง เอาไว้เลือกตอนที่แบตฯเหลือน้อยเต็มที) ระบบความเย็น (กรณีนั่งทำในห้องที่มีแอร์เย็นฉ่ำ) ตลอดจนการกำหนดการทำงาน ของปุ่ม Power 

นอก จากลดการใช้พลังงานโดยอุปกรณ์ทีกินไฟหลักๆ อย่าง หน้าจอ ซีพียู ชิปเซต แล้ว ยังมี Wi-Fi ซึ่งหากไม่ได้เชื่อมต่อ แต่เปิดสวิทช์นี้ไว้ มันก็จะพยายามเสาะแสวงหาเน็ตเวิร์กตลอดเวลา เพื่อเชื่อมต่อกับเครือข่าย ซึ่งกินไฟไม่ใช่น้อย หากคุณกำลังพิมพ์งาน หรืออ่านอีบุ๊ค ปิดสวิทช์ Wi-Fi ไปซะจะดีกว่านะครับ ส่วนโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้แต่นอนแช่อยู่ใน Taskbar ก็เปลืองพลังงานเหมือนกัน อันไหนไม่ใช้ปิดไปเถอะ ในกรณีที่เครื่องของคุณมี RAM น้อย และคุณต้องรันโปรแกรมอย่างน้อย 2-3 ตัวพร้อมกันอยู่เป็นประจำ ทำให้ต้องสลับการทำงานไปมา แน่นอนว่า ภาระส่วนหนึ่งจะตกไปอยู่ที่ฮาร์ดดิสก์ที่ต้องใช้ทำหน้าที่แทนหน่วยความจำ และลงท้ายด้วยการใช้พลังงานแบตฯทีมากโดยไม่ตั้งใจอยู่ดี กรณีนี้แนะนำว่า ลงทุนซื้อ RAM เพิมเถอะนะ คงจะพอหอมปากหอมคอนะครับ สำหรับทิปการประหยัดพลังงานแบตฯ โน้ตบุ๊ค Windows 7 หากให้แนะนำทุก Options คงหลายสิบหน้าแน่ๆ เลย ยังไงตอนปรับแต่งให้คอยสังเกตด้วยว่า Windows 7 รายงานเวลาใช้แบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าไร? ขอให้สนุกกับ Windows 7 นะครับ

Paint.NET 3.5.9

Paint.NET เป็นโปรแกรมแต่งรูปฟรีที่เน้นความง่ายในการใช้งาน จุดประสงค์ของโปรแกรมนี้คือเพื่อให้สามารถนำมาใช้งานแทนโปรแกรม Paint ที่แถมมากับวินโดว์ ซึ่งผู้พัฒนาโปรแกรมนี้ก็ได้มีที่ปรึกษาจากทีมงาน Microsoft มาร่วมงานด้วย ซึ่งสุดท้ายโปรแกรมนี้จึงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นโปรแกรมแต่งรูป ที่มีฟังก์ชั่นหลากหลายจนหลายคนนำไปเปรียบเทียบกับโปรแกรมอย่าง Photoshop, Corel Paint Shop, และ The GIMP เลยทีเดียว จุดเด่นของโปรแกรมอยู่ที่ขนาดที่เล็ก ใช้ทรัพยากรเครื่องน้อย สามารถทำงานได้รวดเร็ว ที่สำคัญคือแจกฟรีสามารถใช้งานได้ทั้งส่วนตัวและในเชิงธุรกิจ การออกแบบโปรแกรมก็มีลักษณะคล้ายกับโปรแกรมแต่งรูปทั่วไป ทำให้สามารถเริ่มต้นใช้งานได้ไม่ยากครับ

Download (3.56 MB)

Freemake Video Converter 2.4

Freemake Video Converter เป็นโปรแกรมสำหรับใช้ในการแปลงไฟล์คลิปวีดีโอทุกนามสกุล โปรแกรมมีความสามารถในแปลงไฟล์วีดีโอได้แทบจะทุกนามสกุล ไม่ว่าจะเป็น AVI, MP4, MKV, WMV, MPG, 3GP, SWF, FLV, MOV, QT, TS เป็นต้น ซึ่งก็เรียกได้ว่าครอบคลุมแทบจะทุกนามสกุลเลย นอกจากนั้นยังมีการนำความสามารถของ Freemake Video Downloader มารวมเข้าด้วย ซึ่งช่วยให้เราสามารถใช้โปรแกรมนี้ดาวน์โหลดคลิปจากเว็บไซต์วีดีโออย่าง YouTube, Facebook, Vimeo ได้ด้วย และสุดท้ายยังสามารถใช้ช่วยทำสไลด์โชว์จากรูปภาพแล้วเซฟเป็นไฟล์หรืออัพโหลด ขึ้น Youtube ได้ทันที นับว่าเป็นโปรแกรมที่สารพัดประโยชน์ทีเดียวครับ

Download (962 KB)